☘️ เมื่อเรารู้แล้วว่าเราเป็นกรดไหลย้อน
✨ จึงมาศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามันเกิดจากอะไร และพอจะมีวิธีรักษาเบื้องต้นได้ยังไงบ้าง เผื่อจะได้มีประโยชน์กับคนอื่นๆด้วย
✨ โดยที่เราได้ข้อสรุปรวมๆ จากการฟังคุณหมอมาประมาณนี้ค่ะ
✳️ กรดไหลย้อนแบบปกติ แบ่งเป็นระยะ ได้ดังนี้ ✳️
☘️ กรดไหลย้อน ระยะที่ 1 กระเพาะอาหารเริ่มอ่อนแรง
⭐ อาการที่มีคือ มีลมในท้องมาก ทานอาหารแล้วจุกแน่น เหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ หรือ ลิ้นปี่ อาจพ่วงด้วยการแสบท้อง หน้าตา ผิวพรรณ ไม่สดใส ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะบริเวณบ่า หลัง
⭐ สาเหตุจาก ทานอาหารไม่เป็นเวลา ทานอาหารเผ็ดเกินไป อาจมีแผลในกระเพาะอาหารส่งผลให้น้ำย่อยออกมาไม่ตรงเวลา
⭐ การแก้ไขปรับพฤติกรรมเบื้องต้น
✅ ควรทานอาหารให้เป็นเวลา ทานอาหารเช้าไม่เกินสัก 10 โมงเช้า ตอนกลางวันก็อาจจะไม่เกินบ่าย 2 และไม่ทานอาหารดึกเกินไป
✅ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ไม่ทานอาหารอิ่มจนเกินไป และเมื่อทานเสร็จต้องเดินย่อยสัก 20-30 นาที หรือนั่งตัวตรงสักครึ่งชั่วโมง ไม่ควรนอนเลยทันที
✅ หากแสบท้อง หรือถ้ามีแผลในกระเพาะ/ลำไส้ ให้ทานกล้วยน้ำว้าดิบ 2-3 แว่นบางๆ จิ้มน้ำผึ้งแล้วเคี้ยวกลืน ก่อนอาหารสัก 30 นาที (ทานจนแผลในกระเพาะดีขึ้น)
แต่หากใครทานไม่ได้จริงๆ ลองหาซื้อกล้วยดิบแบบผงมาชงกิน หรือที่กินง่ายกว่าคือแบบแคปซูล หรือลูกกลอน
✅ เลือกทานขมิ้นชัน (แคปซูลได้) ทานก่อนอาหารหรือหลังอาหาร 15 นาทีก็ได้ (หากไม่มีแผลในกระเพาะอาหาร ก็ทานขมิ้นชันแทนการกินกล้วยดิบได้ค่ะ)
✅ ไม่ดื่มน้ำเยอะเกินไปเวลาทานอาหาร (ไม่ทานแบบข้าวคำน้ำคำ) ลดการทาน นมวัว น้ำเต้าหู้ ชาเย็น กาแฟ
✅ ทานยาหอม หลังอาหาร 30 นาที ช่วยกระจายกองลมที่จุกแน่นลงได้ ช่วย ไล่ลมออกไป
✅ ไม่ทานอาหารเผ็ดจัด ไม่นอนดึกเป็นประจำ
✅ หากรู้ว่าตัวท่านเองทานอาหารชนิดไหน แลัวมันไปกระตุ้นทำให้เกิดอาการ ก็ไม่ควรไปทานหรือเลี่ยง
✅ ห้ามไปออกกำลังกายทันที หลังทานอาหาร
✅ เว้นช่วงการทานอาหารในมื้อก่อนนอนให้เหมาะสม
☘️ กรดไหลย้อน ระยะที่ 2 ปัญหาที่ลำไส้ (อาจมีของเสียตกค้างในลำไส้)
⭐ อาการที่มีคือ ลมมาก ผายลมบ่อย เรอทั้งวัน จุกแน่นท้อง หน้าอก หายใจลำบาก หิวอาหารไม่เป็นเวลา การขับถ่ายไม่ปกติ อุจจาระไม่หมดแต่ยังปวดอยู่ ต้องเข้าห้องน้ำหลายรอบ ลำไส้มีอุจจาระตกค้างมาก ทำให้มีจุลินทรีย์ที่ไม่ดีที่สร้างแก๊สอยู่ตลอดเวลา หากมีแก๊สมากลำไส้จะเคลื่อนไหวได้น้อยลง ทำให้มีโอกาสท้องผูกร่วมด้วย
⭐ สาเหตุจาก อาหารตกค้างในลำไส้จนเกิดแก๊สอยู่ตลอด มีจุลินทรีย์ที่ไม่ดีในลำไส้มาก
⭐ การแก้ไขปรับพฤติกรรมเบื้องต้น
✅ ทานขมิ้น / พริกไทย / ยาหอม ก่อนอาหารทุกมื้อ 15 นาที
✅ ลดการดื่มน้ำเย็นหรือน้ำแข็ง น้ำอัดลม ชา กาแฟ นมวัว น้ำเต้าหู้ เบเกอรี่ที่น้ำตาลสูง อาหารแปรรูป เนื้อสัตว์ปริมาณมากๆ น้ำผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น เช่น น้ำส้ม แตงโม มะพร้าว
✅ ทานอาหารเช้าไม่เกินสัก 10 โมงเช้า และไม่ทานมื้อดึกเกินไป
✅ ลดความเครียดขณะทานอาหาร ไม่ทำกิจกรรมหลายอย่างเวลาทานอาหารแต่ละมื้อ
✅ ทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ที่ดี เช่น กะปิ กิมจิ ข้าวหมาก น้ำปลาแท้ น้ำหมักชีวภาพต่างๆ
✅ ทานอาหารที่เป็นพรีไบโอติกหลังอาหาร (อาหารของจุลินทรีย์ที่ดี) เช่น เอนไซม์ ไซเดอร์ จุลินทรีย์ผง น้ำผึ้ง กล้วยน้ำว้า มะละกอ กระเทียม หัวหอม เมล็ดเชีย
✅ ไม่ควรทานยาลดกรดหรือยาเคลือบกระเพาะ ยกเว้นช่วงที่มีอาการแสบท้องตอนกลางคืนนอนไม่ได้
☘️ กรดไหลย้อน ระยะที่ 3 สารอาหารลดลง
(เป็นมานานจนสารอาหารในเลือดน้อยลงมาก)
⭐ อาการที่มีคือ ร่างกายอ่อนแรง วิงเวียนศีรษะง่าย บางท่านอาจมีอาการบ้านหมุน จุกแน่นถึงคอหลังทานอาหาร หายใจลำบาก อาจแสบหน้าอกและลำคอ ผิวพรรณไม่ผ่องใส มีกลิ่นปากง่าย ปากแตกหรือสีปากคล้ำ ทานอาหารตรงเวลาก็ยังมีลมในท้องมากเช่นเดิม หรือหิวบ่อย กินไม่อิ่ม เพลียระหว่างวัน นอนหลับไม่ค่อยลึก ร่ายกายโทรมลง ลมในลำไส้มากจนไปกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสะวะบ่อย
⭐ สาเหตุจาก อาหารตกค้างในลำไส้เป็นเวลานาน ทำให้สมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้แย่ลง ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายไม่ดีเป็นเวลานานทำให้สารอาหารน้อยลง เครียดจนร่างกายรัดตึง
⭐ การแก้ไขปรับพฤติกรรม
✅ ทานอาหารเช้าให้ได้ทุกวัน และอาหารควรเป็นแบบที่ต้องเคี้ยว ไม่ควรทานประเภท โจ๊ก ข้าวต้ม เพราะกระเพาะอาหาร และม้ามจะอ่อนแอลง (แต่ไว้ทานมื้ออื่นๆ ได้)
✅ ลดการดื่มน้ำเย็น น้ำอัดลม กาแฟ นมวัว น้ำอัดลม ชาเย็น น้ำเต้าหู้ นมวัว เนื้อสัตว์ปริมาณมาก เพราะจะทำให้การย่อยอาหารได้ยาก เกิดเป็นอุจจาระตกค้าง
✅ ทานยาหอมเวลาหายใจลำบาก
✅ ทานน้ำข้าว น้ำซุปกระดูกหมู เพื่อบำรุงเลือด
✅ ทานอาหารที่ช่วยเพิ่มสารอาหารในเลือด เช่น ธัญพืชชง วันละ 1-2 ครั้ง
✅ ทานสมุนไพรช่วยย่อยอาหาร (ขมิ้น ขิง พริกไทย เบญจกูล) ก่อนอาหารทุกมื้อ 15 นาที
✅ นวดร่างกายให้ผ่อนคลาย ช่วยลดความอึดอัด และลดการรัดตึงในช่องท้อง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
✅ ลดความเครียด กังวลลง ด้วยการ เดินออกกำลังกาย โยคะ ยืดเหยียด แต่ยังไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ เพราะสารอาหารในเลือดยังน้อยอยู่
---------------------------------------------
✨ หากข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ เพื่อนๆลองไปปรับทำดูเบื้องต้นดูก่อนนะคะ อาการจะดีขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับระบบร่างกายของแต่ละคน เพราะคนเราร่างกายไม่เหมือนกัน และการใช้ชีวิตประจำวันก็แตกต่างกัน การรักษาต้องใช้เวลานะคะ
ในทางที่ดีหากมีอาการที่หนักกว่านี้ ไม่แนะนำให้ซื้อยากินเองนะคะ ควรไปหาคุณหมอเช็คดูอาการให้ละเอียดดีกว่าค่ะ ไม่ควรทิ้งไว้นาน เพราะโรคกรดไหลย้อน อาจส่งผลให้เกิดมีโรค อื่นๆ ตามาด้วย
⭐⭐ แต่กุญแจสำคัญจริงๆ คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเองค่ะ ⭐⭐
❤️ ขอบคุณคุณหมอทุกท่าน ที่ได้ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ค่ะ ❤️
❤️ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และปราศจากโรคภัยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ