อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

ภูหินร่องกล้า ชื่อนี้การันตีเรื่องความสวยงามทางธรรมชาติหลายด้านทั้งทางพันธุ์พืชและสัตว์ป่า ธรณีวิทยาและสภาพอากาศ หากเราไม่เคยศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์มาก่อนเราคงไม่เชื่อว่าที่นี่เคยเป็นสมรภูมิแห่งสงครามมาก่อน เพราะวิวทิวทัศที่แปลกตา ลักษณะรูปร่างหน้าตาของก้อนหินลานหินน้อยใหญ่ชวนให้อัศจรรย์ใจไม่น้อยในการเดินชมธรรชาติของอุทยานแต่ละแห่งช่างน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ทั้งลานหินปุ่ม ผาชูธง ลานหินแตก ฯลฯ 

ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในการชมตะวันลับขอบฟ้าที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามอีกที่ของเมืองไทย 

แต่การเดินทางขากลับหลังจากชมพระอาทิตย์ตกดินนั้นอาจจะเดินทางลำบากสักเล็กน้อยเนื่งด้วยความมืดของป่า เส้นทางที่แคบ และเสียงของธรรมชาติอาจจะชวนให้ขนลุกตลอดทางแนะนำว่าถ้าท่านได้เดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่แห่งนี้ควรมีเจ้าหน้าที่อุทยานหรือไกด์ท้องถิ่นครับที่สำคัญไฟฉายเพื่อไว้ใช้ในการเดินทางขากลับ

และถ้าหากใครที่เป็นแฟนพันธุ์พืช ที่นี่มีกล้วยไม้หายากของเมืองไทยด้วยครับ กล้วยไม้ช้างงาเดียว พบได้ทั่วไปในบริเวณเขตอุทยาน

พบเจอกล้วยไม้ชนิดนี้ได้ทั้งบนพื้นและที่สูงครับ

บนอุทยานมีอุณภูมิที่ค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี นี่คงเห็นสาเหตุที่มีกล้วยไม้หายากและพันธุ์พืชที่พบยาก

แน่นอนครับเวลาเจออากาศเย็นๆ ร่างกายก็ต้องการเครื่องดื่มร้อนๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ณ ที่ทำการของอุทยานก็มีคาเฟ่เล็กๆ คอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่นะครั้ง หรือใครที่เป็นเป็นสายแคมป์ปิ้งจะไปกางเต้นท์ดิ๊บกาแฟก็ดีต่อใจมากครับ

ที่อุทยานภูหินร่องกล้ายังมีอีกหลายแห่งที่รอเราทุกคนไปย่ำกลายบันทึกความทรงจำ ศึกษาธรรมชาติและประวัติศาสตร์ผมเองก็ยังขาดอีกหลายแห่งเลยที่ยังไปไม่ครบ คาดว่าในอนาคตต้องกลับไปอีกหลายหนเป็นแน่ครับ เพราะยังไม่ได้ไปถ่ายรูปกับใบเมเปิ้ลสีแดง น้ำตกหมันแดง บีโกเนีย และภูลมโล

แต่ขากลับก็แวะแชะกับน้ำตกแก่งซอง

และก็แวะสักการะพระพุทธชินราช ก่อนเดินทางกลับ กทม.โดยสวัสดิภาพและเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว สาธุ